ชื่อวิทยาศาสตร์ |
Derris scandens (Roxb.) Benth |
ชื่อวงศ์ |
PAPILIONACEAE |
ชื่อสามัญ |
Jewel Vine |
ชื่ออื่นๆ |
|
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ |
เป็นไม้เถาเลื้อยขนาดใหญ่ มีกิ่งเหนียวและทนทาน เถาแก่มีเนื้อไม้แข็ง เปลือกเถาเรียบและเหนียว เป็นสีน้ำตาลเข้มอมสีดำหรือแดง เถาใหญ่มักจะบิด เนื้อไม้เป็นสีออกน้ำตาลอ่อนๆ มีวงเป็นสีน้ำตาลไหม้ ตามกิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขนสีน้ำตาลปกคลุม
ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับกัน มีใบย่อย 4-8 ใบ ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปรี ปลายใบเป็นรูปหอก โคนใบมน ขอบใบเรียบ ใบย่อยมีขนาดกว้างประมาณ 1-1.25 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร หลังใบเรียบเป็นมันสีเขียวเข้ม ท้องใบเรียบ
ดอกเป็นช่อตามซอกใบและปลายยอด ช่อดอกเป็นสีขาวห้อยลง ดอกเป็นสีขาวอมสีม่วงอ่อนคล้ายกับดอกถั่ว กลีบดอกมี 4 กลีบ และมีขนาดไม่เท่ากัน สวนกลีบเลี้ยงดอกมีลักษณะเป็นรูปถ้วย สีม่วงแดง
ผลเป็นฝักแบน โคนฝักและปลายฝักมน ฝักเมื่อแก่เป็นสีน้ำตาลอ่อน ภายในฝักมีเมล็ดประมาณ 1-4 เมล็ด
|
ประโยชน์ทางยา |
เถาและราก |
ใช้เป็นยา มีสรรพคุณดังนี้ เถา นำมากินจะมีรสเฝื่อนเอียนเล็กน้อย ใช้เป็นยาถ่ายเสมหะ ลงสู่ทวารหนัก ถ่ายเส้นและกษัย ถ่ายเส้นทำให้เส้นอ่อนและหย่อนดี รักษาเส้นเอ็นขอด รักษาปัสสาวะพิการ ขับปัสสาวะ และรักษาโรคบิด โรคไอ โรคหวัด ใช้เถานำมาหั่นตาก แล้วคั่วไฟชงน้ำกิน แทนน้ำชา ทำให้เส้นหย่อนรักษาอาการเมื่อยขบ ส่วนใหญ่แล้วมักนิยมใช้เถาวัลย์เปรียงแดง เพราะมีเนื้อไม้เป็นสีแดงเรื่อ ๆ ราก จะมีสารพวก flavonolที่มีชื่อว่า scadenin, nallaninใช้เป็นยาเบื่อปลา แต่ไม่มีคุณสมบัติในการใช้เป็นยาฆ่าแมลง ในตำรับยาไทยนั้นเขาใช้เป็นยารักษาอาการไข้ เป็นยาอายุวัฒนะ และขับปัสสาวะ |
|
DNA barcode |
ตัวอย่าง
|
รูปภาพ |
|
ข้อมูลเพิ่มเติม |
อ่าน |
เอกสารอ้างอิง |
เถาวัลย์เปรียง. (2559). สืบค้นเมื่อ 5 มกราคม 2560, จาก https://medthai.com/%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87/
|
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. (มปป.)เถาวัลย์เปรียง. สืบค้นเมื่อ 5 มกราคม 2560, จาก
http://www.thaicrudedrug.com/main.php?action=viewpage&pid=63
|
|
|
|